การค้นพบตัวเอง (Explore yourself and move forward)
E
Every person is unique ,
explore yourself and move forward.
…..
Be the way you are, select what you
wanna be.
- Khemigka -
“ทุกคนล้วนมีความแตกต่างและพิเศษในตัวเอง
ค้นหาตัวเอง สำรวจในสิ่งที่ตัวเองมี
และก้าวต่อไปข้างหน้าเพื่อพัฒนาสิ่งนั้น”
…
“จงเป็นสิ่งที่คุณเลือกเป็น ยอมรับ และกำหนดเส้นทางด้วยตัวเอง”
คนเราเกิดมานั้นทุกคนล้วนมีความแตกต่างและมีลักษณะพิเศษเฉพาะติดตัวมาตั้งแต่เกิด
และรู้หรือไม่ว่า สิ่งที่เรามีความแตกต่าง
และลักษณะพิเศษเฉพาะนั้นจะช่วยเติมเติมให้โลกใบนี้ได้อย่างไร
การเกิดมาทุกคนบนโลกนั้นล้วนมีความหมายและเป็นการเชื่อมโยงกันในทุกส่วนดังคำพูดที่ว่า
“เด็ดดอกไม้สะเทือนถึงดวงดาว” หรือ “Butterfly
Effect” ที่ผู้เขียนได้ค้นหาข้อมูลมาพบว่า ส่วนหนึ่งมาจากแนวคิดของ
Paul
Dirac นักฟิสิกส์ทฤษฎีชาวอังกฤษ ผู้ก่อตั้งฟิสิกส์สาขากลศาสตร์ควอนตัม และสร้างสมการที่รวมกับทฤษฎีสัมพันธภาพของไอน์สไตน์ ที่รู้จักกันในสมการ Dirac Equation ทำให้สามารถอธิบายหลักการคล้องจอง (Correspondence Principle) ของ Bohr อธิบายความสัมพันธ์ระหว่างระดับพลังงานต่าง
ๆ ของอิเล็กตรอนกับความถี่ของแสงที่อะตอมปล่อยหรือดูดกลืน
อธิบายสมบัติทวิภาพของคลื่น-อนุภาคที่ไอน์สไตล์เคยเสนอ นอกจากนี้ Dirac ได้เสนอเทคนิคการคำนวณทฤษฎีการแปลง
(Transformation Theory) ร่วมกับ Bohr, Jordan , และ Heisenberg และได้ขยายขอบเขตของกลศาสตร์ควอนตัมยุคใหม่ให้ครอบคลุมทฤษฎีสัมพันธภาพพิเศษ
และค้นพบงานวิจัยอีกหลายชิ้น ที่แสดงให้เห็นถึงการเชื่อมโยงของอนุภาคต่าง ๆ
และได้ก่อให้เกิดการปะทะกันส่งผลให้เกิดการ Transform สิ่งต่าง
ๆ เช่น รังสีแกมมา
อีกทฤษฏีที่น่าสนใจคือ
Chaos
Theory
ซึ่งเป็นทฤษฎีที่อธิบายถึงลักษณะพฤติกรรมของพลวัตคือระบบที่มีการเปลี่ยนแปลงคล้ายแบบสุ่มหรือไร้ระเบียบ
แต่แท้จริงเป็นระบบที่ไม่สุ่มและมีระเบียบ
ซึ่งระบบนี้ผลลัพธ์ไม่จำเป็นต้องแตกต่างในด้านของ ขนาด เท่านั้น
แต่รวมถึงความแตกต่างทางด้าน พฤติกรรม ที่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงได้
และเมื่อเวลาผ่านไปการเปลี่ยนแปลงก็แทบไม่มีอะไรที่เหมือนกันเลย
Edward Lorenz ผู้ริเริ่มทฤษฎีความอลวน จากการทดลองด้านการพยากรณ์อากาศในปี ค.ศ. 1961
ทำการคำนวณการจำลองสภาพอากาศโดยทดลองด้านการประหยัดเวลาผ่านการทดสอบจากครั้งที่สองและครั้งต่อไปโดย
ไม่ใช้การจำลอง (Simulation) จากจุดเริ่มต้นเหมือนครั้งแรก
ผลคือทำให้ค่าคำนวณที่ได้มีความแตกต่างจากเดิมอย่างสิ้นเชิง
และพบว่าการปัดเศษนำไปสู่ความแตกต่างอย่างมากมาย เรียกว่า ไวต่อสภาวะเริ่มต้น
อันเป็นที่มาของ “Butterfly Effect”
ในมุมมองของผู้เขียน
สิ่งที่เล็งเห็นคือ นักทฤษฎีและนักวิทยาศาสตร์แต่ละคนที่ค้นพบทฤษฎี และกฎต่าง ๆ ขึ้นนั้น
ล้วนคิดค้นมาจากความเป็นธรรมชาติของกฎจักรวาล (Universe) ที่มีอยู่แล้ว หากแต่ว่าใครเป็นผู้ค้นพบ
และได้นำมาสร้างให้เกิดคุณค่าแห่งการพัฒนาสิ่งต่างๆ ในโลกใบนี้อย่างไร ? ซึ่งโดยแท้จริงนั้น
มนุษย์ทุกคนจำเป็นต้องมีส่วนในการรับผิดชอบเหตุการณ์ สถานการณ์ และความเป็นไปทั้งหมดในโลก
และเราในฐานะที่เป็นมนุษย์คนหนึ่งบนโลกใบนี้จะทำอะไรได้บ้าง ?
สิ่งสำคัญคือ
เรารู้หรือไม่ว่าเราเป็นใครคนหนึ่งในโลกใบนี้ ... และเราคนนั้นจะสร้างการเปลี่ยนแปลงให้โลกใบนี้ให้น่าอยู่ได้อย่างไร
?
การค้นหาในสิ่งที่ตัวเองเป็นจึงมีความสำคัญ
เพราะเมื่อเราค้นพบตัวเองได้อย่างแท้จริง
และสามารถเติมเต็มตัวเองได้อย่างสมบูรณ์มากขึ้นแล้ว เราก็จะเป็นส่วนสำคัญในการเติมเต็มผู้คนและโลกใบนี้ให้น่าอยู่มากขึ้นด้วยเช่นกัน
-Simple Today-
18
กันยายน 2562
“There is only
one corner of the universe you can be certain of improving, and
that’s your own self"
-
Aldous Huxley -
#SimpleToday
#BeReal,BeYou
#การค้นพบตัวเอง
#Butterflyeffect
อ้างอิงข้อมูลจาก :
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น