สร้างตัวตนในอุดมคติ (Be real one, real you)
If you aren’t real one , you won’t
understand real one.
- Khemigka-
หากคุณไม่ใช่คนประเภทเดียวกัน...คุณก็อาจไม่เข้าใจกัน
“หากคุณไม่เป็นตัวจริงในเรื่องนั้นอย่างแท้จริง...
คุณก็ยากที่จะเข้าใจคนที่เป็นตัวจริงในเรื่องนั้น”
คุณก็ยากที่จะเข้าใจคนที่เป็นตัวจริงในเรื่องนั้น”
มีคนพูดว่า คนเรามักจะตีความผู้คนและสิ่งต่าง ๆ จากความคิด
และประสบการณ์ที่เราผ่านมา
นั่นก็คงหมายถึงว่า แต่ละคนสามารถตีความสิ่งต่าง ๆ
ได้ไม่เหมือนกัน...ขึ้นอยู่กับว่า เราแต่ละคนนั้นผ่านประสบการณ์มาเช่นไร มีมุมมอง และความคิดอย่างไรต่อเรื่องราวและเหตุการณ์นั้น
ๆ
บทความที่ผู้เขียนนำเสนอในครั้งนี้
เริ่มจากที่ผู้เขียนได้มีโอกาสไปร่วมฟังบรรยายในการจัดทัศนศึกษาดูงานบริษัทชั้นนำของประเทศไทยแห่งหนึ่งที่ให้ความสำคัญด้านการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์มาโดยตลอด
และสร้างคนที่เป็น Talent ให้กับประเทศไทยจำนวนมาก แม้ผ่านมาหลายปี
แต่ข้อคิดจากผู้บริหารที่มาบรรยายในวันนั้นสร้างความประทับใจให้ผู้เขียน ซึ่งมาเป็นแรงบันดาลใจให้เขียนคำคมนี้ขึ้นมา
ผู้บรรยายเป็นผู้บริหารระดับสูงฝ่ายทรัพยากรบุคคลขององค์กรดังกล่าว
เขาได้ชี้แจงถึงขั้นตอนการรับพนักงานเข้าของบริษัทว่า
จะเชิญผู้บริหารที่เกี่ยวข้องเข้ามาร่วมสัมภาษณ์พนักงานเพื่อรับเข้าทำงานใหม่ ผู้บรรยายเล่าว่า ในวันสัมภาษณ์งานวันหนึ่งมีเด็กคนหนึ่งตอบสัมภาษณ์
ได้แปลก และไม่เหมือนคนอื่น ถ้าในมุมมองของคนทั่วไปอาจมองว่าตอบอะไร
หรือเพี้ยนไปหรือเปล่า ซึ่งผู้บริหารหลายคนที่สัมภาษณ์ในวันนั้นรู้สึกเช่นกัน
แต่มีเพียงผู้บริหารท่านหนึ่งบอกว่า เด็กคนนี้มีอะไรดี และพิเศษบางอย่างขอให้รับไว้ ซึ่งผู้บริหารที่บอกนี้เป็นผู้บริหารที่เก่งมาก
และมีความเชื่อมั่นว่าเด็กคนนี้ต้องมีอะไรดีแน่ ๆ และก็เป็นเช่นนั้นจริง ๆ
เด็กคนนี้เก่งมาก จัดได้ว่าเป็นอัจฉริยะเลยทีเดียว
สามารถทำผลงานที่ดีให้กับบริษัทฯ และถ้าในวันนั้นผู้บริหารไม่ตัดสินใจรับเด็กคนนี้ คงพลาดโอกาสได้คนดี ๆ เข้ามาทำงานในบริษัทเป็นแน่
ทำให้ผู้เขียนรู้สึกมองย้อนกลับมาดูประสบการณ์ที่พบเห็นทั่วไปว่า
1. หลายครั้งที่พบว่าคนส่วนมากไม่กล้าเสี่ยงที่จะทำตัวแตกต่างจากบรรทัดฐานของสังคม
แม้ว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้อง
2. หลายครั้งที่คนไม่กล้าเลือกสิ่งที่แตกต่างจากบรรทัดฐานของสังคม
เพราะคิดว่าเราดูแตกต่างจากคนอื่น
ผลคือทำให้คนทั่วไปไม่กล้าเสี่ยงที่จะแสดงตัวตนที่แท้จริง หรือเลือกสิ่งที่ควรจะเป็นอย่างแท้จริง
และจะมีกี่คนที่กล้าที่จะแสดงตัวตนอย่างแท้จริง
และกล้าเสี่ยงที่จะเลือกสิ่งที่แตกต่างอย่างแท้จริง โดยเฉพาะในทางที่ถูกต้อง
นอกจากนี้
สิ่งที่ผู้เขียนรู้สึกได้คือ การมีกลุ่มคนที่มีลักษณะเหมือนกัน
หรือคนประเภทเดียวกันจะมีความเข้าใจกัน อย่างคนที่มีทักษะด้านดนตรี ย่อมรู้ดีว่าคนเล่นดนตรีแบบไหนเพราะไม่เพราะ
ทักษะด้านกีฬาชนิดใดชนิดหนึ่ง ย่อมรู้ดีถึงทักษะที่คนเล่นกีฬาด้วยกัน แบบไหนดี
หรือไม่ดี เช่นเดียวกับด้านอื่น ๆ
ที่จะมีกลุ่มคนที่มีความชอบและความเชี่ยวชาญเหมือน ๆ กัน รวมตัวกันอยู่นั้น ย่อมมีความเข้าใจดีในกลุ่มคนที่ชอบประเภทเดียวกัน
สังเกตได้ว่าภายใต้ความแตกต่างของแต่ละคนที่ส่งเสริมให้มนุษย์มีความพิเศษไม่เหมือนกันนั้น
จะมีการเชื่อมโยงของกลุ่มคนที่มีความเหมือน และความชอบบางอย่างที่คล้ายกันรวมกันอยู่
(หากแต่ผู้เขียนไม่ได้หมายถึงเราไม่ควรยอมรับกลุ่มคนที่มีความแตกต่างกัน ในทางตรงข้ามผู้เขียนต้องการให้ยอมรับทั้งความเหมือนและความแตกต่างของผู้คน
และกลุ่มคน เพราะเป็นธรรมชาติของมนุษย์มากกว่า)
ดังนั้นหากต้องการเป็นคนประเภทใด ให้หาทางติดตามข้อคิด มุมมอง และคุณลักษณะต่าง
ๆ ที่เราชื่นชอบในตัวคนที่เราเลือกแบบอย่างที่ดีนั้น เพื่อศึกษาวิธีการที่เขาใช้ในการพัฒนาตัวเอง
(โดยไม่ทิ้งความเป็นตัวตนที่ดีของเรา) หรือถ้าเราไม่ได้ชื่นชอบใครเป็นพิเศษ
ก็ให้เราลองวาดตัวตนในอุดมคติที่เราอยากเป็นขึ้นมา แล้วหาวิธีการที่จะพัฒนาให้เป็นคนในอุดมคติคนนั้น ซึ่งไม่แน่ว่าในอนาคตเราอาจกลายเป็นคนหนึ่งที่เป็นแบบอย่างที่ดี
สามารถสร้างแรงบันดาลใจ และส่งต่อพลังให้ผู้คนอยากพัฒนาตัวเองขึ้นมาได้เช่นกัน
-Simple Today-
15
กันยายน 2562
“You are the average of the five
people
you spend the
most time with.”
- Jim Rohn –
“คุณเป็นค่าเฉลี่ยของคน
5
คนที่คุณใช้เวลาด้วยมากที่สุด”
และเพื่อให้เข้ากับโลกยุคปัจจุบันผู้เขียนขอเพิ่มเป็น
#SimpleToday
#BeReal,BeYou
เครดิต / Credit :
ภาพเบื้องหลังคำคม / Photo Background
:
(ค้นหาเมื่อวันที่ 15 กันยายน 2562)
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น